- ทันตแพทย์ต้องเป็นคนใจเย็นอย่างมาก เพราะทำงานในส่วนที่ละเอียดอ่อน และบอบบาง หากใจร้อนอาจจะทำให้ช่องปากของคนไข้เป็นแผลใหญ่ รักษายาก และบาดเจ็บได้ง่าย
- ต้องเป็นคนที่อัธยาศัย และมนุษยสัมพันธ์ที่ดี มีการพูดคุยกับคนไข้ ไม่ให้คนไข้วิตกกังวลหรือกลัวที่จะได้รับการรักษา ทำให้คนไข้เชื่อใจและเชื่อมั่นในความสามารถของแพทย์
- เป็นคนที่ชอบเรียนรู้ และค้นหาความรู้ใหม่ๆให้กับตัวเองอยู่เสมอ เพราะเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบันก้าวหน้าอยู่ตลอดเวลา มีสิ่งใหม่ๆที่อำนวยความสะดวกให้กับคนไข้ ทำให้รักษาง่ายขึ้นคนไข้เจ็บน้อยลง เราจึงต้องเรียนรู้และนำมาปรับใช้กับอาชีพให้ได้มากที่สุด
- สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างดี เพราะเราไม่รู้ว่าคนไข้จะอาการเป็นอย่างไร หนักหรือเบาแค่ไหน ก็ต้องมั่นฝึกฝีมือเพราะรับมือกับปัญหาเฉพาะหน้าที่จะเกิดขึ้นอยู่เสม
- มีความกล้าที่จะตัดสินใจ กล้าลงมือทำ เพราะอาชีพหมอนั้นเกี่ยวข้องกับชีวิตคน เมื่อเห็นอาการแล้วเราจะต้องรู้ได้ในทันทีว่าจะต้องทำการรัษาอย่างไรบ้าง เพื่อให้คนไข้หายจากอาการได้เร็วที่สุด
- การเรียนทันตแพทย์จำเป็นจะต้องมีความรู้ทั้งด้านศาสตร์และศิลป์ ต้องมีความประณีตศิลป์ ต้องทำออกมาให้เหมือนจริง เพราะการทำฟันเราต้องทำให้มันเหมือนจริงและเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นพอดีกับช่องปาก สภาพฟัน ขนาด หรือสีของฟัน รวมถึงการใช้งาน ก็จะเป็นจุดเด่นของวิชาชีพนี้
จัดทำโดย นายณัฐภัทร พู่เจริญ เลขที่ 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/7 โรงเรียนพิมานพิทยาสรรค์ จังหวัดสตูล
วันอังคารที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2560
บุคลิก นิสัยของคนที่เหมาะจะทำอาชีพทันตแพทย์
"มู" ยังเฉย ผีเตะ 2 เกม ซัด 8 ตุง ป้อง "ป็อกบา" รอดใบแดง
โชเซ มูรินโญ นายใหญ่ฝีปากกล้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คุยลูกทีมกำลังมั่นใจสุดขีด หลังถล่ม สวอนซี ซิตี ขาดลอย 4-0 ศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ที่สนาม ลิเบอร์ตี สเตเดียม วันเสาร์ที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา ปฏิเสธข้อครหา พอล ป็อกบา มิดฟิลด์ชาวฝรั่งเศส น่าถูกไล่ออก
ทีมของ มูรินโญ ทะลวงตาข่าย 8 ประตู ตลอด 2 เกมแรกของซีซัน 2017-18 หลังต้อน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด สกอร์เดียวกัน สุดสัปดาห์ที่แล้ว นับเป็นการออกสตาร์ทอย่างร้อนแรง ตั้งแต่ปี 1907-08 ซึ่งเอาชนะ แอสตัน วิลลา 4-1 และ ลิเวอร์พูล คู่ปรับตลอดกาล 4-0
อย่างไรก็ตาม "เดอะ สเปเชียล วัน" ยังไม่มีอาการหลงระเริง "สิ่งที่อธิบายสถานการณ์ของทีมตอนนี้ คือ ความมั่นใจ ผมไม่ต้องการเห็นเลย หากมันเกิดขึ้น สิ่งที่ผมอยากเห็นคือทีมแพ้ แล้วดูการตอบสนอง ซึ่งมันจะเป็นอีกระดับหนึ่ง"
"ผมอยากจะพูดว่า เราเริ่มต้นฤดูกาลที่แล้วด้วย 6 แต้ม จากชัยชนะ 2 นัด แต่เราจบอันดับ 6 แค่ 2 เกม มันไม่ใช่ว่าจะสรุปอะไรได้ ช่วง 10 นาทีสุดท้าย เราทำได้น่าประทับใจ เพราะคู่แข่งต้องการประตู ความเป็นจริง คือ 75 นาที สกอร์ 1-0 มันเนิ่นนานถึง 75 นาทีที่ผลจะจบลงอย่างไรก็ได้ ถึงแม้เราจะคุมเกมดีกว่า"
ทั้งนี้ เทรนเนอร์วัย 53 ปี ตอบโต้กรณี ป็อกบา ผู้ทำประตูที่ 2 รอดพ้นใบเหลือง ข้อหาสกัดพรวดพราดช่วง 30 นาทีแรก ซึ่งผ่านไปเพียง 4 นาที ตั้งแต่ทำฟาวล์ ทอม คาร์โรลล์ "ไม่ เพราะผมไม่คิดว่า เขาสมควรได้รับใบเหลืองแรก"
"ใบเหลืองแรกดูเหมือนว่ารุนแรงเกินไป เพราะผมเห็น โจนาธาน มอสส์ (ผู้ตัดสิน) มีมาตรฐานชัดเจนว่า จังหวะใดควรควักใบเหลือง มีครั้งหนึ่งกรณีของ (เนมันยา) มาติช นั่นควรเป็นใบเหลือง แต่เขาตัดสินใจเตือน สำหรับกรณีของ พอล เขาก็ทำเหมือนกัน ดังนั้นผมประหลาดใจนิดหน่อยกับใบเหลืองแรก และไม่กลัวจะมีใบที่ 2"
ทีมของ มูรินโญ ทะลวงตาข่าย 8 ประตู ตลอด 2 เกมแรกของซีซัน 2017-18 หลังต้อน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด สกอร์เดียวกัน สุดสัปดาห์ที่แล้ว นับเป็นการออกสตาร์ทอย่างร้อนแรง ตั้งแต่ปี 1907-08 ซึ่งเอาชนะ แอสตัน วิลลา 4-1 และ ลิเวอร์พูล คู่ปรับตลอดกาล 4-0
อย่างไรก็ตาม "เดอะ สเปเชียล วัน" ยังไม่มีอาการหลงระเริง "สิ่งที่อธิบายสถานการณ์ของทีมตอนนี้ คือ ความมั่นใจ ผมไม่ต้องการเห็นเลย หากมันเกิดขึ้น สิ่งที่ผมอยากเห็นคือทีมแพ้ แล้วดูการตอบสนอง ซึ่งมันจะเป็นอีกระดับหนึ่ง"
"ผมอยากจะพูดว่า เราเริ่มต้นฤดูกาลที่แล้วด้วย 6 แต้ม จากชัยชนะ 2 นัด แต่เราจบอันดับ 6 แค่ 2 เกม มันไม่ใช่ว่าจะสรุปอะไรได้ ช่วง 10 นาทีสุดท้าย เราทำได้น่าประทับใจ เพราะคู่แข่งต้องการประตู ความเป็นจริง คือ 75 นาที สกอร์ 1-0 มันเนิ่นนานถึง 75 นาทีที่ผลจะจบลงอย่างไรก็ได้ ถึงแม้เราจะคุมเกมดีกว่า"
ทั้งนี้ เทรนเนอร์วัย 53 ปี ตอบโต้กรณี ป็อกบา ผู้ทำประตูที่ 2 รอดพ้นใบเหลือง ข้อหาสกัดพรวดพราดช่วง 30 นาทีแรก ซึ่งผ่านไปเพียง 4 นาที ตั้งแต่ทำฟาวล์ ทอม คาร์โรลล์ "ไม่ เพราะผมไม่คิดว่า เขาสมควรได้รับใบเหลืองแรก"
"ใบเหลืองแรกดูเหมือนว่ารุนแรงเกินไป เพราะผมเห็น โจนาธาน มอสส์ (ผู้ตัดสิน) มีมาตรฐานชัดเจนว่า จังหวะใดควรควักใบเหลือง มีครั้งหนึ่งกรณีของ (เนมันยา) มาติช นั่นควรเป็นใบเหลือง แต่เขาตัดสินใจเตือน สำหรับกรณีของ พอล เขาก็ทำเหมือนกัน ดังนั้นผมประหลาดใจนิดหน่อยกับใบเหลืองแรก และไม่กลัวจะมีใบที่ 2"
ผีฟอร์มดุ "ลูกากู" เปิดสวย เหมา 2 ตุง ขยี้ขุนค้อน 4-0
"ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประเดิมสนามศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2017-18 เอาชนะ "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ขาดลอย 4-0 ซึ่ง โรเมลู ลูกากู หัวหอกป้ายแดง โชว์ฟอร์มโดดเด่น เหมา 2 ประตู ที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด คืนวันอาทิตย์ที่ 13 สิงหาคม
พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ 2017-18
แมนฯ ยูไนเต็ด 4-0 เวสต์ แฮมฯ
โชเซ มูรินโญ กุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จัดทัพเต็มสูบ วาง โรเมลู ลูกากู รับบทศูนย์หน้าตัวเป้า ประสานงาน มาร์คัส แรชฟอร์ด และ ฆวน มาตา ล่าตาข่าย รับมือ เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด ที่มี ฮาเวียร์ เฮร์นานเดซ ศิษย์เก่า , มาร์โก อาร์เนาโตวิช และ อังเดร อายิว เป็นทีเด็ดแนวรุก
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกเยอะกว่าจนถึงนาที 33 มาร์คัส แรชฟอร์ด กระชากจากครึ่งสนามขึ้นทางซ้าย หาช่องไหลทะลุให้ โรเมลู ลูกากู แปเช็ดเสาแรก ขึ้นนำ 1-0 ทดเจ็บของครึ่งแรก เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด หวิดตีเสมอ อังเดร อายิว ทำชิ่งกับเพื่อน บอลล้นถึง เอเดมิลสัน เฟร์นานเดส สับไกตรงหัวกะโหลก ดาบิด เด เคอา นายทวาร ต้องทุบทิ้ง
สู้กันต่อครึ่งหลัง กองเชียร์ "เรด เดวิลส์" ส่งเสียงเฮ นาที 53 เฮนริกห์ มคิตาร์ยาน ตักฟรีคิกด้านซ้ายให้ โรเมลู ลูกากู สะบัดเสียบมุมเสาไกล ทิ้งห่าง 2-0 "เดอะ แฮมเมอร์ส" เกือบจุดประกายความหวัง นาที 58 เอเดมิลสัน เฟร์นานเดส ทิ้งบอลยาวจากริมเส้นฝั่งซ้ายให้ มาร์โก อาร์เนาโตวิช โหม่งย้อยๆ ชนคานเด้งออกหลัง
"ปิศาจแดง" ยังบดขยี้ต่อเนื่องนาที 66 มาร์คัส แรชฟอร์ด ลากจี้ทางซ้าย โยกหาช่องปั่นด้วยขวา ชนโคนเสาไกลอย่างน่าเสียดาย ถัดมานาที 71 อันโตนิโอ วาเลนเซีย โยนจากกราบขวาล้นมาเสาสอง เดลีย์ บลินด์ วอลเลย์ด้วยซ้ายข้างถนัด บอลกระดอนพื้นข้ามคานนิดเดียว
อย่างไรก็ตาม แชมป์ลีกสูงสุด 20 สมัย บวกเพิ่มเป็น 3-0 นาที 88 เฮนริกห์ มคิตาร์ยาน เบิ้ลเจาะทางซ้ายให้ อองโตนี มาร์กซิอาล ตัวสำรอง หลุดไปแปซุกก้นตาข่าย เท่านั้นยังไม่พอ นาที 90 พอล ป็อกบา บรรจงปั่นด้วยขวา ระยะประมาณ 25 หลา กลางประตู หนีมือ โจ ฮาร์ท ย้ำชัย 4-0 จบเกม แมนฯ ยูไนเต็ด เก็บ 3 แต้ม จาก 1 นัด ส่วน เวสต์ แฮมฯ ยังไม่มีคะแนน
ที่มา : https://mgronline.com/sport/detail/9600000082788
พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ 2017-18
แมนฯ ยูไนเต็ด 4-0 เวสต์ แฮมฯ
โชเซ มูรินโญ กุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จัดทัพเต็มสูบ วาง โรเมลู ลูกากู รับบทศูนย์หน้าตัวเป้า ประสานงาน มาร์คัส แรชฟอร์ด และ ฆวน มาตา ล่าตาข่าย รับมือ เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด ที่มี ฮาเวียร์ เฮร์นานเดซ ศิษย์เก่า , มาร์โก อาร์เนาโตวิช และ อังเดร อายิว เป็นทีเด็ดแนวรุก
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกเยอะกว่าจนถึงนาที 33 มาร์คัส แรชฟอร์ด กระชากจากครึ่งสนามขึ้นทางซ้าย หาช่องไหลทะลุให้ โรเมลู ลูกากู แปเช็ดเสาแรก ขึ้นนำ 1-0 ทดเจ็บของครึ่งแรก เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด หวิดตีเสมอ อังเดร อายิว ทำชิ่งกับเพื่อน บอลล้นถึง เอเดมิลสัน เฟร์นานเดส สับไกตรงหัวกะโหลก ดาบิด เด เคอา นายทวาร ต้องทุบทิ้ง
สู้กันต่อครึ่งหลัง กองเชียร์ "เรด เดวิลส์" ส่งเสียงเฮ นาที 53 เฮนริกห์ มคิตาร์ยาน ตักฟรีคิกด้านซ้ายให้ โรเมลู ลูกากู สะบัดเสียบมุมเสาไกล ทิ้งห่าง 2-0 "เดอะ แฮมเมอร์ส" เกือบจุดประกายความหวัง นาที 58 เอเดมิลสัน เฟร์นานเดส ทิ้งบอลยาวจากริมเส้นฝั่งซ้ายให้ มาร์โก อาร์เนาโตวิช โหม่งย้อยๆ ชนคานเด้งออกหลัง
"ปิศาจแดง" ยังบดขยี้ต่อเนื่องนาที 66 มาร์คัส แรชฟอร์ด ลากจี้ทางซ้าย โยกหาช่องปั่นด้วยขวา ชนโคนเสาไกลอย่างน่าเสียดาย ถัดมานาที 71 อันโตนิโอ วาเลนเซีย โยนจากกราบขวาล้นมาเสาสอง เดลีย์ บลินด์ วอลเลย์ด้วยซ้ายข้างถนัด บอลกระดอนพื้นข้ามคานนิดเดียว
อย่างไรก็ตาม แชมป์ลีกสูงสุด 20 สมัย บวกเพิ่มเป็น 3-0 นาที 88 เฮนริกห์ มคิตาร์ยาน เบิ้ลเจาะทางซ้ายให้ อองโตนี มาร์กซิอาล ตัวสำรอง หลุดไปแปซุกก้นตาข่าย เท่านั้นยังไม่พอ นาที 90 พอล ป็อกบา บรรจงปั่นด้วยขวา ระยะประมาณ 25 หลา กลางประตู หนีมือ โจ ฮาร์ท ย้ำชัย 4-0 จบเกม แมนฯ ยูไนเต็ด เก็บ 3 แต้ม จาก 1 นัด ส่วน เวสต์ แฮมฯ ยังไม่มีคะแนน
ที่มา : https://mgronline.com/sport/detail/9600000082788
"มู" ยังนิ่งเฉย ผีถล่มเละสุดรอบ 11 ปี ชี้จ่าฝูงสัปดาห์แรกไร้ค่า
โชเซ มูรินโญ กุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง ถึงแม้ลูกทีม ประเดิมสนามศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2017-18 อย่างสวยหรู ถล่ม เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด ขาดลอย 4-0 คืนวันอาทิตย์ที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา
โรเมลู ลูกากู ดาวยิงร่างยักษ์ ค่าตัว 75 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3.375 พันล้านบาท) ระเบิดฟอร์มเหมา 2 จาก 4 ประตู ตั้งแต่แมตช์แรก นับเป็นชัยชนะครั้งมโหฬารสุด นับเฉพาะเกมเปิดซีซัน ที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ดของ "ปิศาจแดง" หลังเคยขยี้ ฟูแลม ยับเยิน 5-1 เมื่อปี 2006 และสกอร์ห่างสุดของ "เดอะ สเปเชียล วัน" ในฐานะผู้จัดการทีม ยูไนเต็ด
ย้อนกลับไปครั้งอดีต พลพรรค "เรด เดวิลส์" เดินหน้าสู่ตำแหน่งแชมป์ลีกสูงสุด ฤดูกาล 2006-07 ปิดฉากการรอคอยอันยาวนาน 4 ปี ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นายใหญ่ระดับตำนานสโมสร อย่างไรก็ตาม บิ๊กบอสวัย 54 ปี ยังไม่มีอาการดีใจแต่อย่างใด
อดีตผู้จัดการทีม รีล มาดริด และ เชลซี กล่าว "เราปิดฤดูกาลที่แล้ว ด้วยแชมป์ ยูโรปา ลีก และคว้าสิทธิ์ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก เราเริ่มต้นฤดูกาลที่ 2 ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมในบ้าน เรามีนักเตะหลายคนทีทำผลงานได้ดี ดังนั้นเรามีเหตุผลที่จะมองแง่บวก"
"สำหรับผม ผ่านประสบการณ์ระดับ พรีเมียร์ ลีก มาหลายปี ดังนั้นผมยังคงเท้าติดดิน และนิ่งเฉย ฤดูกาลที่แล้ว เราก็เป็นอันดับ 1 ของลีก ตั้งแต่สัปดาห์แรก แต่เราจบอันดับ 6 ดังนั้นมันก็ไม่เห็นมีความหมายอะไร นอกจากเราเล่นได้ดี และความมั่นใจสูงขึ้น ตอนนี้ความท้าทายของเรา คือ รักษาความมั่นใจแบบนี้เอาไว้"
ที่มา : https://mgronline.com/sport/detail/9600000082801
โรเมลู ลูกากู ดาวยิงร่างยักษ์ ค่าตัว 75 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3.375 พันล้านบาท) ระเบิดฟอร์มเหมา 2 จาก 4 ประตู ตั้งแต่แมตช์แรก นับเป็นชัยชนะครั้งมโหฬารสุด นับเฉพาะเกมเปิดซีซัน ที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ดของ "ปิศาจแดง" หลังเคยขยี้ ฟูแลม ยับเยิน 5-1 เมื่อปี 2006 และสกอร์ห่างสุดของ "เดอะ สเปเชียล วัน" ในฐานะผู้จัดการทีม ยูไนเต็ด
ย้อนกลับไปครั้งอดีต พลพรรค "เรด เดวิลส์" เดินหน้าสู่ตำแหน่งแชมป์ลีกสูงสุด ฤดูกาล 2006-07 ปิดฉากการรอคอยอันยาวนาน 4 ปี ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นายใหญ่ระดับตำนานสโมสร อย่างไรก็ตาม บิ๊กบอสวัย 54 ปี ยังไม่มีอาการดีใจแต่อย่างใด
อดีตผู้จัดการทีม รีล มาดริด และ เชลซี กล่าว "เราปิดฤดูกาลที่แล้ว ด้วยแชมป์ ยูโรปา ลีก และคว้าสิทธิ์ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก เราเริ่มต้นฤดูกาลที่ 2 ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมในบ้าน เรามีนักเตะหลายคนทีทำผลงานได้ดี ดังนั้นเรามีเหตุผลที่จะมองแง่บวก"
"สำหรับผม ผ่านประสบการณ์ระดับ พรีเมียร์ ลีก มาหลายปี ดังนั้นผมยังคงเท้าติดดิน และนิ่งเฉย ฤดูกาลที่แล้ว เราก็เป็นอันดับ 1 ของลีก ตั้งแต่สัปดาห์แรก แต่เราจบอันดับ 6 ดังนั้นมันก็ไม่เห็นมีความหมายอะไร นอกจากเราเล่นได้ดี และความมั่นใจสูงขึ้น ตอนนี้ความท้าทายของเรา คือ รักษาความมั่นใจแบบนี้เอาไว้"
ที่มา : https://mgronline.com/sport/detail/9600000082801
"รูน" กลับบ้านกร่อยๆ "ผี" รัวยับ 4-0 ขึ้นฝูงร่วม "เรือใบ"
เวย์น รูนีย์ อดีตกองหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาเยือนถิ่นเก่าในฐานะแข้ง เอฟเวอร์ตัน แบบไม่มีความสุขนักเมื่อโดน "ผีแดง" รัวท้ายเกมคว้าชัย 4-0 ศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ วันที่ 17 กันยายน ที่ผ่านมา
พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-0 เอฟเวอร์ตัน
อีกหนึ่งคู่บิ๊กแมตช์ของสัปดาห์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รองจ่าฝูงมี 10 แต้ม เปิด โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ปะทะ เอฟเวอร์ตัน อันดับ 17 มี 4 แต้ม เกมนี้ "ผีแดง" จัดอาวุธหนักทั้ง ฆวน มาต้า, เฮนริค มคิทาร์ยาน, มาร์คัส แรชฟอร์ด และ โรเมลู ลูกากู ใครยิงก็ได้ ส่วน "ท็อฟฟี่" ส่ง เวย์น รูนีย์ ยอดดาวยิงเลือดผู้ดี เยือนบ้านหลังเก่าที่สร้างชื่อให้เป็นตำนาน
เปิดเกมด้วยสายฝน และเริ่มแค่ 3 นาที สาวก "ผีแดง" เฮลั่นเมื่อขึ้นนำ 1-0 เนมานยา มาติช โยนไปทางขวาแล้ว อันโตนิโอ วาเลนเซีย หวดตู้มตุงตาข่าย ถัดมา นาที 20 เอฟเวอร์ตัน มีจังหวะตีเสมอ คูโก มาร์ตินา ตบบอลเข้ากลางให้ เวย์น รูนีย์ ยิงแบบไม่จับแต่หลุดเสานิดเดียว
นาที 26 แมนฯยู พลาดลูกสองได้อย่างไร โรเมลู ลูกากู พาบอลเบียดตัวประกบจนถึงหน้าประตูแต่ดีดออกข้างเฉย จากนั้น นาที 39 โอกาสยังเป็นฝั่งเจ้าบ้าน มารูยาน เฟลไลนี ใช้ลูกโหม่งแบบที่ตัวเองถนัด แต่ก็เข้าทาง จอร์แดน พิคฟอร์ด เซฟได้ จบครึ่งแรกนำ 1 ลูก
ครึ่งหลัง เอฟเวอร์ตัน ไม่รีรอจะตีเสมอให้ได้ นาที 46 เวย์น รูนีย์ หลุดขึ้นมาที่เสาแรกแต่ยิงไม่ผ่าน ดาบิด เด เคอา มาถึง นาที 64 เจ้าถิ่นโยนโอกาสบวกเม็ดสองทิ้งไปอีกครั้งจากลูกฟรีคิกระยะอันตราย ฆวน มาต้า วางบอล เล็งแล้วปั่นข้ามกำแพงแต่ชนเสาเฉย
นาที 76 เกมยังเป็นฝั่ง ผีแดง บุกขึ้นมา เนมานยา มาติช ง้างเท้าซัดนอกเขตโทษแต่บอลเรียดออกหลังน่าผิดหวัง กระทั่ง นาที 83 ก็ได้ลูกสองที่ต้องการ โรเมลู ลูกากู ดักบอลได้ลากไปหน้าประตูแล้วป้ายต่อถึง เฮนริค มคิทาร์ยาน ซัลโวเพิ่มเป็น 2-0
มาถึงนาทีสุดท้าย แมนฯยู บวกหนี 3-0 จังหวะ เจสซี ลินการ์ด โหม่งเช็ดหลังให้ โรเมลู ลูกากู ที่ยิงฟรีคิกพลาดก่อนหน้านี้มาซ้ำที่เสาแรก และทดเจ็บ นาที 92 ก็ได้จุดโทษเมื่อ มอร์แกน ชไนเดอร์ลิน ทำแฮนด์บอลแล้ว อองโตนี มาร์กซิอาล ยิงตอกฝาโลง 4-0 จบเกมทีมของ โชเซ มูรินโญ เก็บเพิ่มเป็น 13 แต้ม เท่า แมนเชสเตอร์ ซิตี แถมเป็นจ่าฝูงร่วมกันด้วยจำนวนประตูได้เสียเท่ากัน
ที่มา : https://mgronline.com/sport/detail/9600000095450
พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-0 เอฟเวอร์ตัน
อีกหนึ่งคู่บิ๊กแมตช์ของสัปดาห์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รองจ่าฝูงมี 10 แต้ม เปิด โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ปะทะ เอฟเวอร์ตัน อันดับ 17 มี 4 แต้ม เกมนี้ "ผีแดง" จัดอาวุธหนักทั้ง ฆวน มาต้า, เฮนริค มคิทาร์ยาน, มาร์คัส แรชฟอร์ด และ โรเมลู ลูกากู ใครยิงก็ได้ ส่วน "ท็อฟฟี่" ส่ง เวย์น รูนีย์ ยอดดาวยิงเลือดผู้ดี เยือนบ้านหลังเก่าที่สร้างชื่อให้เป็นตำนาน
เปิดเกมด้วยสายฝน และเริ่มแค่ 3 นาที สาวก "ผีแดง" เฮลั่นเมื่อขึ้นนำ 1-0 เนมานยา มาติช โยนไปทางขวาแล้ว อันโตนิโอ วาเลนเซีย หวดตู้มตุงตาข่าย ถัดมา นาที 20 เอฟเวอร์ตัน มีจังหวะตีเสมอ คูโก มาร์ตินา ตบบอลเข้ากลางให้ เวย์น รูนีย์ ยิงแบบไม่จับแต่หลุดเสานิดเดียว
นาที 26 แมนฯยู พลาดลูกสองได้อย่างไร โรเมลู ลูกากู พาบอลเบียดตัวประกบจนถึงหน้าประตูแต่ดีดออกข้างเฉย จากนั้น นาที 39 โอกาสยังเป็นฝั่งเจ้าบ้าน มารูยาน เฟลไลนี ใช้ลูกโหม่งแบบที่ตัวเองถนัด แต่ก็เข้าทาง จอร์แดน พิคฟอร์ด เซฟได้ จบครึ่งแรกนำ 1 ลูก
ครึ่งหลัง เอฟเวอร์ตัน ไม่รีรอจะตีเสมอให้ได้ นาที 46 เวย์น รูนีย์ หลุดขึ้นมาที่เสาแรกแต่ยิงไม่ผ่าน ดาบิด เด เคอา มาถึง นาที 64 เจ้าถิ่นโยนโอกาสบวกเม็ดสองทิ้งไปอีกครั้งจากลูกฟรีคิกระยะอันตราย ฆวน มาต้า วางบอล เล็งแล้วปั่นข้ามกำแพงแต่ชนเสาเฉย
นาที 76 เกมยังเป็นฝั่ง ผีแดง บุกขึ้นมา เนมานยา มาติช ง้างเท้าซัดนอกเขตโทษแต่บอลเรียดออกหลังน่าผิดหวัง กระทั่ง นาที 83 ก็ได้ลูกสองที่ต้องการ โรเมลู ลูกากู ดักบอลได้ลากไปหน้าประตูแล้วป้ายต่อถึง เฮนริค มคิทาร์ยาน ซัลโวเพิ่มเป็น 2-0
มาถึงนาทีสุดท้าย แมนฯยู บวกหนี 3-0 จังหวะ เจสซี ลินการ์ด โหม่งเช็ดหลังให้ โรเมลู ลูกากู ที่ยิงฟรีคิกพลาดก่อนหน้านี้มาซ้ำที่เสาแรก และทดเจ็บ นาที 92 ก็ได้จุดโทษเมื่อ มอร์แกน ชไนเดอร์ลิน ทำแฮนด์บอลแล้ว อองโตนี มาร์กซิอาล ยิงตอกฝาโลง 4-0 จบเกมทีมของ โชเซ มูรินโญ เก็บเพิ่มเป็น 13 แต้ม เท่า แมนเชสเตอร์ ซิตี แถมเป็นจ่าฝูงร่วมกันด้วยจำนวนประตูได้เสียเท่ากัน
ที่มา : https://mgronline.com/sport/detail/9600000095450
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)